Accounts Receivable Turnover ช่วยวัดการบริหารลูกหนี้

February 11, 2025

by Napat Rammanu

อัตราหมุนเวียนลูกหนี้การค้า01

หนี้สินเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะหนี้จากการขายสินค้าหรือบริการแบบเครดิต หากบริษัทไม่สามารถบริหารจัดการหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจส่งผลต่อกระแสเงินสดและความมั่นคงทางการเงิน ดังนั้น อัตราหมุนเวียนลูกหนี้ (Accounts Receivable Turnover) จึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจประเมินความสามารถในการเก็บหนี้และวางแผนบริหารสินเชื่อได้ดียิ่งขึ้น

Receivables Turnover Ratio คืออะไร

อัตราหมุนเวียนลูกหนี้ (Accounts Receivable Turnover) เป็นตัวชี้วัดทางการเงินที่ใช้ในการประเมินว่าธุรกิจสามารถเก็บเงินจากลูกหนี้การค้าได้เร็วแค่ไหนภายในช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยคำนวณจากอัตราส่วนของ ยอดขายเครดิตสุทธิ เทียบกับ ค่าเฉลี่ยของบัญชีลูกหนี้

ค่าอัตราหมุนเวียนลูกหนี้ที่สูง หมายถึง ธุรกิจสามารถเรียกเก็บเงินจากลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว แสดงถึง ประสิทธิภาพในการบริหารเครดิตและนโยบายการเก็บเงินที่ดี ในทางตรงกันข้าม หากอัตราหมุนเวียนลูกหนี้ต่ำ อาจสะท้อนถึง ปัญหาในการเรียกเก็บหนี้ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท

การคำนวณอัตราหมุนเวียนลูกหนี้สามารถช่วยให้ธุรกิจตัดสินใจเกี่ยวกับ นโยบายเครดิต และปรับปรุงกลยุทธ์การเก็บหนี้ให้เหมาะสมมากขึ้น

วิธีการคำนวณ Receivables Turnover Ratio

การคำนวณ อัตราส่วนหมุนเวียนลูกหนี้การค้า จะต้องใช้ข้อมูลในช่วงเวลาเดียวกัน โดยมักจะใช้เป็นปีและค่าที่ออกมาจะมีหน่วยเป็นเท่า

  • ยอดขายเชื่อ (Net Credit Sales) หมายถึง ยอดการขายสินค้าหรือบริการให้กับลูกค้าโดยยังไม่ได้รับการชำระค่าสินค้าในทันทีที่ลูกค้าซื้อสินค้าจากบริษัท
  • ลูกหนี้การค้าเฉลี่ย (Average Account Receivable) หมายถึง ค่าเฉลี่ยของเงินที่ลูกค้าค้างชำระค่าสินค้าหรือบริการคิดจากลูกหนี้ต้นงวดรวมกับลูกหนี้ปลายงวดแล้วหารด้วยสอง
ตัวอย่าง
  1. ยอดขายเชื่อสุทธิ: 500,000 บาท
  2. ลูกหนี้การค้า ณ ต้นงวด: 50,000 บาท
  3. ลูกหนี้การค้า ณ ปลายงวด: 70,000 บาท
  4. ลูกหนี้การค้าเฉลี่ย: (50,000+70,000)/2 = 60,000

อัตราหมุนเวียนลูกหนี้การค้า = 500,000/60,000 = 8.33

วิธีการอ่าน

อัตราหมุนเวียนสูง : แสดงว่าบริษัทมีประสิทธิภาพในการเก็บลูกหนี้และแปลงเป็นเงินสดได้ดี
อัตราหมุนเวียนต่ำ : อาจบ่งชี้ว่าบริษัทมีปัญหาในการเก็บลูกหนี้หรือมีการให้เครดิตมากเกินไป
TIP : อัตราหมุนเวียนลูกหนี้การค้าสูงหรือต่ำขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจและอุตสาหกรรมที่บริษัทนั้นดำเนินการอยู่ ดังนั้นจึงไม่มีตัวเลขที่เป็นมาตรฐานเดียวกันสำหรับทุกธุรกิจ แต่โดยทั่วไปอัตราหมุนเวียนลูกหนี้การค้าค่าระหว่าง 7 ถึง 12 ถือเป็นค่าเฉลี่ยที่ดี

Receivables Turnover Ratio มีความสำคัญอย่างไร

1. ประเมินประสิทธิภาพในการบริหารลูกหนี้

ค่าอัตราหมุนเวียนลูกหนี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถวัดได้ว่า ใช้เวลากี่รอบต่อปีในการเก็บเงินจากลูกค้า หากมีอัตราสูง แสดงว่าธุรกิจสามารถเรียกเก็บเงินได้อย่างรวดเร็วและมีระบบติดตามหนี้ที่ดี

2. ส่งผลต่อกระแสเงินสดและสภาพคล่อง

ลูกหนี้ที่เก็บเงินช้าส่งผลต่อกระแสเงินสดของธุรกิจ การมีอัตราหมุนเวียนลูกหนี้ที่ดีช่วยให้มีเงินหมุนเวียนสำหรับ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ค่าแรงงาน และการลงทุน

3. บ่งบอกคุณภาพของลูกค้าหรือเงื่อนไขเครดิต

อัตราหมุนเวียนลูกหนี้สะท้อนให้เห็นว่า ลูกค้าชำระเงินตรงเวลาหรือไม่ หากอัตราต่ำ อาจหมายถึงปัญหาด้านเครดิตของลูกค้า หรือธุรกิจอาจต้องพิจารณาปรับปรุงนโยบายเครดิตให้เข้มงวดขึ้น

4. ใช้เปรียบเทียบกับอุตสาหกรรมและคู่แข่ง

อัตราหมุนเวียนลูกหนี้สามารถใช้เปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมได้ หากบริษัทมีอัตราต่ำกว่าค่าเฉลี่ย อาจต้องปรับปรุงกลยุทธ์การติดตามหนี้ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. ช่วยในการวางแผนและการตัดสินใจทางการเงิน

นักลงทุนและผู้บริหารใช้ค่าอัตรานี้ในการประเมิน ความเสี่ยงทางการเงิน และแนวโน้มของบริษัท ธุรกิจที่มีอัตราหมุนเวียนลูกหนี้สูงมีแนวโน้มที่จะได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนมากขึ้น

สรุป

อัตราหมุนเวียนลูกหนี้เป็นตัวชี้วัดที่ช่วยให้บริษัทเข้าใจถึงประสิทธิภาพในการเก็บเงินจากลูกค้า การมีค่าอัตราสูงเป็นสัญญาณที่ดี แต่ก็ต้องมีสมดุลระหว่างการให้เครดิตและการบริหารกระแสเงินสด บริษัทควรติดตามค่าตัวชี้วัดนี้เป็นประจำเพื่อวางแผนทางการเงินและปรับปรุงนโยบายสินเชื่อให้เหมาะสม

เข้าใจการเงินบริษัท เพิ่มความสามารถด้านการจัดการ

สามารถเข้าไปดูบทความอื่นๆได้ที่ : https://rdbi.co.th/blog/

ปรึกษาหรือสอบถามเกี่ยวกับการใช้งาน Accounts Receivable Turnover ได้ที่

เพจ : http://bit.ly/rdbipage
Facebook : https://www.facebook.com/RandDBI/
Line OA : @rdbi
Tel : 02-681-9700
อีเมล์ : sales@rdbi.co.th🌟

Share this post:
Facebook
Twitter
LinkedIn
WhatsApp

Discover more articles