ประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)

You are here:

บริษัท อาร์ แอนด์ ดี บีไอ จำกัด มีการประกาศนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล และขอประกาศแจ้งให้ลูกค้า คู่ค้าของบริษัททราบดัง รายละเอียดเพิ่มเติม

ประกาศ

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Policy)

ของ บริษัท อาร์ แอนด์ ดี บีไอ จำกัด

18 พฤศจิกายน 2565

บริษัท อาร์ แอนด์ ดี บีไอ จำกัด (“บริษัท”) ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณและเคารพในสิทธิความเป็นส่วนตัวของท่าน จึงให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ท่านมั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้รับจะถูกนำไปใช้ตรงตามวัตถุประสงค์และเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย บริษัทจึงได้กำหนดนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (“นโยบาย”) ฉบับนี้ขึ้นเพื่อแจ้งให้ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงวัตถุประสงค์และรายละเอียดของการเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิต่างๆ ของท่านตามกฎหมาย โดยมีสาระสำคัญดังต่อไปนี้

– กรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้างของบริษัท ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย นโยบาย หรือแนวปฏิบัติใด ๆ ของบริษัท ที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด

– กรรมการและผู้บริหาร ต้องส่งเสริมให้พนักงานและลูกจ้างของบริษัท ตระหนักและเข้าใจถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และส่งเสริมให้มีการบริหารความเสี่ยงด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงจัดให้มีมาตรการควบคุมภายในที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยมิชอบ

– การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ให้เก็บรวบรวมได้เท่าที่จำเป็น ภายใต้วัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมาย เพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทเท่านั้น

– การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยชัดแจ้ง และต้องแจ้งรายละเอียดที่จำเป็นให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

– การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้ ต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนหรือขณะที่มีการเก็บรวบรวมข้อมูล เว้นแต่กฎหมายจะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น และต้องไม่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่จากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง เว้นแต่ ได้แจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบโดยไม่ชักช้า และได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือได้รับการยกเว้นตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

– การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่หน่วยงานหรือบุคคลภายนอก เมื่อมีการขอเข้าถึงหรือขอให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในครอบครองของบริษัท เช่น หน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าพนักงานซึ่งใช้อำนาจตามกฎหมาย เป็นต้น บริษัทจะต้องมั่นใจว่าการเปิดเผยดังกล่าวได้รับ ความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่เป็นกรณีที่เป็นการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับยกเว้น ไม่ต้องขอความยินยอมตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล ซึ่งเจ้าของข้อมูลไม่สามารถให้ ความยินยอมได้ หรือเป็นการจำเป็นเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย เป็นต้น แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ บริษัทจะต้องจัดทำบันทึกรายการการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไว้ด้วย

1. วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

1.1 วัตถุประสงค์ที่อาศัยความยินยอม

บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอาศัยฐานความยินยอม สำหรับวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้

1.1.1 การเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนที่บริษัทไม่สามารถอาศัยฐานทางกฎหมายอื่น นอกเหนือจากการขอความยินยอมโดยชัดแจ้งได้ วัตถุประสงค์ดังกล่าว ได้แก่

– ข้อมูลศาสนา และเชื้อชาติ (ข้อมูลดังกล่าวได้มาจากการเก็บสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนที่บริษัทจำเป็นต้องใช้เป็นหลักฐานในการพิสูจน์และยืนยันตัวบุคคลเท่านั้น)

– ข้อมูลประวัติสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม ซึ่งบริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว เฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นบางประเภทของบริษัทเท่านั้น และสำหรับประวัติอาชญากรรมเพื่อการตรวจสอบ

1.1.2 การวิเคราะห์ วิจัย และ / หรือ จัดทำข้อมูลทางสถิติ รวมถึง เพื่อการพัฒนา ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการ ของบริษัท ที่ต้องอาศัยความยินยอมจากท่านตามกฎหมาย

1.1.3 การดำเนินการทางการตลาด การนำส่งข้อเสนอผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการ สิทธิพิเศษในการเข้าร่วมกิจกรรม รวมถึงข่าวสาร คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ที่คัดสรรอย่างเหมาะสม และการออกกลยุทธ์ทางการตลาดที่ต้องอาศัยความยินยอมจากท่านตามกฎหมาย

ทั้งนี้ บริษัทอาจขอความยินยอมโดยตรงจากท่าน เป็นคราวๆ ไป

1.2 วัตถุประสงค์ที่อาศัยฐานทางกฎหมายอื่น นอกเหนือจากความยินยอม

บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอาศัยฐานทางกฎหมายอื่นๆ เท่าที่จำเป็นภายใต้วัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท เช่น เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาหรือตามที่ท่านร้องขอ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย และ / หรือ เพื่อดำเนินการภายใต้ฐานทางกฎหมายอื่นๆ สำหรับวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้

1.2.1 การดำเนินการก่อนเข้าทำสัญญากับบริษัท เช่น การให้คำปรึกษา คำแนะนำ และ / หรือ ข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการ การวิเคราะห์และประเมินความต้องการของลูกค้า การตรวจสอบคุณสมบัติ การตรวจสอบสถานะของลูกค้า การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลหรือเอกสาร การพิสูจน์และยืนยันตัวบุคคล รวมถึงกระบวนการทำความรู้จักลูกค้า

1.2.2 การดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาให้ผลิตภัณฑ์ และ / หรือบริการต่างๆ เช่น การติดต่อสื่อสาร การรับส่งเอกสารหรือพัสดุ การเข้าทำสัญญา ข้อตกลง และ / หรือ นิติกรรมอื่นใดที่เกี่ยวข้อง และ / หรือ เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัท

1.2.3 การดำเนินการทางการตลาดที่ไม่ต้องอาศัยความยินยอมจากท่านตามกฎหมาย เช่น

– การพิจารณากลุ่มลูกค้าเพื่อการนำส่งคำเชิญเข้าร่วมกิจกรรม หรือการส่งเสริมการขายตามความเหมาะสม

– การนำส่งข้อเสนอผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการ สิทธิพิเศษในการเข้าร่วมกิจกรรม งานอีเว้นท์ หรือการประชุมที่บริษัทจัดขึ้น รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการเข้าร่วมกิจกรรม (เช่น การลงทะเบียนเข้างาน)

– การนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และ / หรือ สิทธิพิเศษที่ท่านร้องขอ หรือการแจ้งสิทธิประโยชน์ของท่าน

– การนำเสนอผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการประเภทเดียวกัน / ใกล้เคียงกับที่ท่านมีอยู่กับบริษัท

– การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย (เช่น การให้สิทธิประโยชน์และของรางวัล)

1.2.4 การวิเคราะห์ วิจัย และ / หรือ จัดทำข้อมูลทางสถิติที่ไม่ต้องอาศัยความยินยอมจากท่านตามกฎหมาย เพื่อใช้ในการพัฒนา ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการภายในบริษัทเอง เช่น การวิเคราะห์ วิจัย วิจัยการตลาด จัดทำข้อมูลทางสถิติ การวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินของท่าน และ / หรือ การจัดทำรายงานสำหรับการใช้ภายในบริษัท

1.2.5 การดำเนินงานอื่น ๆ ของบริษัท เช่น

–    การบริหารจัดการ

–    การบริหารความเสี่ยง

–    การรักษาประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย

–    การจัดทำฐานข้อมูลลูกค้า หรือ การเก็บบันทึกข้อมูลลงระบบหรือฐานข้อมูล

–    การแจ้งเตือนชำระหนี้หรือต่ออายุผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการต่าง ๆ

–    การติดตามทวงถามหนี้

–    การสำรวจและประเมินความพึงพอใจภายหลังใช้บริการ

–    การร่วมงาน การประสานงาน และ / หรือ การมอบหมายงานให้ผู้อื่นดำเนินการแทนหรือร่วมกับบริษัท

–   การโอนสิทธิ และ / หรือ หน้าที่ การบริหารกิจการของบริษัท

–   การจัดการเรื่องร้องเรียน หรือการจัดการเหตุการณ์กระทำผิดต่อกฎหมาย

–   การป้องกันและประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการให้บริการของบริษัท

–   การทำฐานข้อมูลด้านความเสี่ยงทางธุรกิจต่อบริษัท

–   การดำเนินการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การจัดการระบบสื่อสาร และการป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและภัยคุกคามทางไซเบอร์

1.2.6 การปฏิบัติตามคำสั่งของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย และ / หรือ การปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น

การปฏิบัติตามคำสั่งของหน่วยงานรัฐ คำสั่งศาล หน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลบริษัท เจ้าพนักงานของรัฐที่มีอำนาจตาม กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กฎหมายภาษีอากร กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กฎหมายล้มละลาย และกฎหมายอื่นๆ ที่บริษัทจำเป็นต้องปฏิบัติตามทั้งในประเทศไทย รวมถึงประกาศและระเบียบที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว ทั้งที่ใช้บังคับอยู่แล้วในขณะนี้ ที่จะแก้ไขเพิ่มเติม หรือที่จะมีขึ้นต่อไปในอนาคต

1.2.7 การป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

1.2.8 การจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติ

ทั้งนี้ หากบริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านสำหรับการเข้าทำหรือการปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านได้ทำไว้กับบริษัท และ / หรือ การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท และท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นเหล่านั้นแก่บริษัทเมื่อมีการร้องขอ บริษัทอาจจะไม่สามารถพิจารณาอนุมัติหรือส่งมอบ / จัดหา ผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการบางส่วนหรือทั้งหมดให้แก่ท่านได้ ตลอดจนอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท

2. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้อื่นภายใต้ความยินยอมของท่านหรือภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยได้ โดยบุคคลหรือหน่วยงานที่เป็นผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจะเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามขอบเขตที่ท่านได้ให้ความยินยอมหรือขอบเขตที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือในบางกรณี ท่านอาจอยู่ภายใต้นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเหล่านั้นอีกด้วย

โดยบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลหรือหน่วยงานต่างๆ ตามแต่ความสัมพันธ์และการทำธุรกรรมของท่าน ดังต่อไปนี้

ประเภทผู้รับข้อมูลส่วนบุคคล    

– ผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์และบริการนำส่งข้อความ (SMS)

– ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การสนับสนุนด้านเทคโนโลยี และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยี

– ผู้ให้บริการ Cloud Computing

– ผู้ให้บริการเพื่อการทำการตลาด

– ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์

– ผู้ให้บริการช่องทางการรับชำระเงิน

– ผู้ให้บริการติดตามทวงถามหนี้

– โรงพิมพ์หรือผู้ให้บริการสิ่งพิมพ์

– ผู้ให้บริการจัดส่งเอกสารหรือพัสดุ

– ผู้ให้บริการสำหรับการให้บริการอำนวยความสะดวก

– พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท    

ทั้งนี้ กรณีเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้พันธมิตรทางธุรกิจเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดของพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น เพื่อการส่งเสริมการขาย การประชาสัมพันธ์ หรือการเสนอผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการจากพันธมิตรทางธุรกิจให้แก่ท่าน บริษัทจะแจ้งรายชื่อพันธมิตรทางธุรกิจให้ท่านทราบเพื่อประกอบการตัดสินใจให้ความยินยอม โดยการนี้ พันธมิตรทางธุรกิจสามารถยึดถือตามความยินยอมที่บริษัทได้มา

บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบริษัทอื่นที่อยู่ต่างประเทศ หรือไปยังผู้รับข้อมูลอื่นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัท เช่น การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บไว้บนแพลตฟอร์มคลาวด์หรือเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ การส่งหรือโอนข้อมูลธุรกรรมการโอนเงินระหว่างประเทศไปยังสถาบันการเงินที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศผ่านตัวกลางการจัดการการโอนเงินระหว่างประเทศ คู่ค้าในต่างประเทศ บริษัท พันธมิตรทางธุรกิจ ทั้งที่ร่วมมือกันในการจัดหาผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการ ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ หน่วยงานภาครัฐในต่างประเทศ และ / หรือ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมของท่านในต่างประเทศ เป็นต้น

กรณีที่ประเทศปลายทางมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอ บริษัทจะดูแลให้มั่นใจว่าการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และจะดำเนินการให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เห็นว่าจำเป็นและเหมาะสมสอดคล้องกับมาตรฐานการรักษาความลับ เช่น มีข้อตกลงกับผู้รับข้อมูลในประเทศดังกล่าวเพื่อยืนยันว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการคุ้มครองภายใต้มาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เทียบเท่ากับประเทศไทย หรือในกรณีที่ผู้รับข้อมูลเป็นบริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจของบริษัท

การใช้งานคุกกี้ และ / หรือ เทคโนโลยีที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน

บริษัทอาจเก็บรวบรวมและใช้งานคุกกี้ และ / หรือ เทคโนโลยีอื่นใดที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน เมื่อท่านมีการใช้งานเว็บไซต์ของบริษัท รวมถึงการทำธุรกรรม การใช้ผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการของบริษัทผ่านช่องทางดิจิทัลและเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การเก็บรวบรวมคุกกี้ และ / หรือ การใช้งานเทคโนโลยีอื่นใดที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน จะช่วยให้บริษัทสามารถจดจำการใช้งานและความชื่นชอบของท่าน รวมถึงการวิเคราะห์ความสนใจของท่านเพื่อปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ ให้ตอบสนองต่อความต้องการและการใช้งานของท่าน เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการใช้งานเว็บไซต์

นอกจากนี้ บริษัทอาจมีการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตนของท่านแก่ผู้ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูล เช่น Google ทั้งในและต่างประเทศ โดย Google จะมีการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือเพื่อช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล เช่น คุกกี้ และ / หรือ Software Development Kit (SDK) ในการติดตามและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการใช้งานของท่านบนเว็บไซต์ ทั้งนี้ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการวิเคราะห์ข้อมูลของ Google ได้ที่หัวข้อ “How Google uses data when you use our partner’s sites or apps” ที่ www.google.com/policies/privacy/partners หรือ URL อื่นตามที่ Google กำหนด

3. ระยะเวลาจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระหว่างที่ท่านเป็นลูกค้า หรือมีความสัมพันธ์อยู่กับบริษัท หรือตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ และเมื่อท่านสิ้นสุดความสัมพันธ์กับบริษัท บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ต่อไป ภายหลังจากนั้นตามระยะเวลาที่จำเป็นตามอายุความ หรือระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดหรืออนุญาตไว้ เช่น จัดเก็บไว้ตามกฎหมายการบัญชี กฎหมายภาษีอากร 10 ปีนับแต่ยุติความสัมพันธ์

ทั้งนี้ บริษัทจะมีการดำเนินการในขั้นตอนที่เหมาะสม เพื่อทำการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของท่านได้เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว

4. การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นอย่างดีตามมาตรการเชิงเทคนิค มาตรการเชิงบริหารจัดการ เพื่อธำรงไว้ซึ่งความลับ ความถูกต้องครบถ้วน สภาพความพร้อมใช้งานของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกันการเข้าถึง เก็บรวบรวม เปลี่ยนแปลง แก้ไข ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ ทั้งนี้เป็นไปตามที่กฎหมายที่ใช้บังคับกำหนด

บริษัทได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทได้กำหนดนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น มาตรการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและการใช้งานอุปกรณ์สำหรับการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ปลอดภัยและเหมาะสม การจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล การกำหนดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน สิทธิในการอนุญาตให้พนักงานที่ได้รับมอบหมายให้เข้าถึงข้อมูล และหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ใช้งาน เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล การเปิดเผย การล่วงรู้ หรือการลักลอบทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล หรือการลักขโมยอุปกรณ์จัดเก็บหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจัดให้มีมาตรการสำหรับการตรวจสอบย้อนหลังเกี่ยวกับการเข้าถึง เปลี่ยนแปลง ลบ หรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลที่สอดคล้องเหมาะสมกับวิธีการและเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการตรวจสอบเพื่อประเมินประสิทธิผลของการปฏิบัติตามนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

5. สิทธิของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล

สิทธิของท่านเป็นสิทธิตามกฎหมายที่ท่านควรทราบ โดยท่านสามารถขอใช้สิทธิต่าง ๆ ได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และนโยบายที่กำหนดไว้ในขณะนี้หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ตลอดจนหลักเกณฑ์ตามที่บริษัทกำหนดขึ้น และในกรณีท่านมีอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ หรือถูกจำกัดความสามารถในการทำนิติกรรมตามกฎหมาย ท่านสามารถขอใช้สิทธิโดยให้บิดาและ / หรือมารดา ผู้ใช้อำนาจปกครอง หรือมีผู้อำนาจกระทำการแทนเป็นผู้แจ้งความประสงค์

5.1 สิทธิขอถอนความยินยอม

หากท่านได้ให้ความยินยอมให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ โดยการถอนความยินยอมของท่านจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้กระทำขึ้นก่อนการถอนความยินยอม

ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านในส่วนที่เกี่ยวข้องและจำเป็นกับการขอรับบริการ อาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาหรือให้บริการกับท่านได้ หรืออาจส่งผลให้ธุรกรรมหรือกิจกรรมอื่นใดที่เกี่ยวข้องถูกระงับ หรือหยุดลงชั่วคราว หรืออาจส่งผลกระทบต่อท่านในการรับทราบเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการต่าง ๆ เช่น ท่านจะไม่ได้รับข้อเสนอผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการ สิทธิประโยชน์ โปรโมชั่นหรือข้อเสนอใหม่ ๆ ไม่ได้รับผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการที่ถูกใจมากยิ่งขึ้นและสอดคล้องหรือตรงตามความต้องการของท่าน หรือไม่ได้รับข้อมูลข่าวสาร คำแนะนำอันเป็นประโยชน์แก่ท่าน เป็นต้น เพื่อประโยชน์ของท่าน จึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนถอนความยินยอม

5.2 สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล

ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยว่าบริษัทได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาได้อย่างไร

5.3 สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล

ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค

ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านข้างต้นต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผย หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยเพื่อให้ท่านสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการของบริษัทได้ตามความประสงค์ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาอยู่กับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการของบริษัท หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด

5.4 สิทธิขอคัดค้าน

ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในเวลาใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น หรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ หากท่านยื่นคัดค้าน บริษัทจะยังคงดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปเฉพาะที่บริษัทสามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่า หรือเป็นไปเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ตามแต่ละกรณี

นอกจากนี้ ท่านยังมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติได้อีกด้วย

5.5 สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล

ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว

5.6 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล

ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราว ในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอใช้สิทธิคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่ท่านขอให้บริษัทระงับการใช้แทน

5.7 สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล

ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

5.8 สิทธิร้องเรียน

ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

การใช้สิทธิของท่านดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล เพื่อประโยชน์สาธารณะ การใช้สิทธิอาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น หากบริษัทปฏิเสธคำขอข้างต้น บริษัทจะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ท่านทราบด้วย

บริษัทจะแก้ไขเพิ่มเติมหรือปรับปรุงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่

บริษัทอาจพิจารณาทบทวนเพื่อแก้ไขเพิ่มเติม ปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้เป็นครั้งคราวตามความเหมาะสมและเท่าที่กฎหมายอนุญาต ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม ปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้ บริษัทจะดำเนินการประกาศนโยบายฉบับปัจจุบันให้ท่านทราบบนเว็บไซต์ของบริษัท

หากท่านมีข้อเสนอแนะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงการขอใช้สิทธิตามนโยบายฉบับนี้

ท่านสามารถดำเนินการขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้

1) ติดต่อผ่านเว็บไซด์บริษัท   https://rdbi.co.th/contact/

2) Line official Account : @rdbi

3) e-mail: info@rdbi.co.th

สถานที่ติดต่อ : บริษัท อาร์ แอนด์ ดี บีไอ จำกัด เลขที่ 1/87 ซ.พุทธบูชา 36 ถ.พุทธบูชา แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ 10140