Net Cash Flow คืออะไร

ในโลกของการเงินและการลงทุน การประเมินผลประกอบการของธุรกิจไม่ได้ดูแค่เพียงกำไรสุทธิเท่านั้น แต่ยังต้องวิเคราะห์สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่า นั่นก็คือ “กระแสเงินสดสุทธิ” หรือ Net Cash Flow (NCF) เพราะแม้ว่าบริษัทจะมีกำไรจากรายงานผลประกอบการ แต่ถ้าขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างรุนแรง ก็อาจนำไปสู่ปัญหาที่คาดไม่ถึง เช่น การขาดทุนสะสม หรือล้มละลายได้
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจ Net Cash Flow อย่างลึกซึ้ง พร้อมตัวอย่างการคำนวณ วิธีอ่านค่า NCF ข้อดี ข้อจำกัด และแนวทางแก้ปัญหาเมื่อเจอสัญญาณเตือน
กระแสเงินสดสุทธิ (Net Cash Flow) คืออะไร?
กระแสเงินสดสุทธิ (Net Cash Flow: NCF) หมายถึง ส่วนต่างระหว่างเงินสดที่ไหลเข้าและเงินสดที่ไหลออกของกิจการในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ไม่ว่าจะมาจากการดำเนินธุรกิจ การลงทุน หรือการจัดหาเงินทุน
- หาก NCF เป็นบวก แสดงว่าบริษัทมีเงินสดเหลือหลังจากดำเนินกิจกรรมทั้งหมด
- หาก NCF เป็นลบ อาจหมายถึงบริษัทมีการใช้จ่ายมากกว่าเงินสดที่ได้รับ ซึ่งควรติดตามว่าเป็นเพราะการลงทุนเพื่ออนาคต หรือเกิดจากปัญหาทางการเงิน
สูตรการคำนวณ Net Cash Flow
Net Cash Flow (NCF) = CFO + CFI + CFF
โดยประกอบด้วย 3 ส่วนหลักจากงบกระแสเงินสด (Cash Flow Statement: CFS)
- CFO (Cash Flow from Operations) กระแสเงินสดจากกิจกรรมหลักของธุรกิจ เช่น การขายสินค้าและบริการ
- CFI (Cash Flow from Investing) กระแสเงินสดจากการลงทุน เช่น การซื้อหรือขายสินทรัพย์ถาวร
- CFF (Cash Flow from Financing) กระแสเงินสดจากการจัดหาเงินทุน เช่น การกู้ยืม ชำระหนี้ หรือจ่ายเงินปันผล
ตัวอย่างการคำนวณ Net Cash Flow
สมมุติ บริษัท A ในปี 2021 มีข้อมูลดังนี้:
- กำไรสุทธิ: 100 ล้าน
- ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย: 20 ล้าน
- การเปลี่ยนแปลงในทุนหมุนเวียนสุทธิ: (10 ล้าน)
- CapEx: (80 ล้าน)
- กู้ยืมเงินระยะยาว: 40 ล้าน
- ชำระหนี้ระยะยาว: (20 ล้าน)
- จ่ายเงินปันผล: (10 ล้าน)
คำนวณได้ว่า:
- CFO = 100 + 20 – 10 = 110 ล้าน
- CFI = –80 ล้าน
- CFF = 40 – 20 – 10 = 10 ล้าน
ดังนั้น
Net Cash Flow (NCF) = 110 – 80 + 10 = 40 ล้าน
วิธีอ่านค่า Net Cash Flow อย่างมีหลักการ
การอ่านค่า NCF ควรดูในบริบทของธุรกิจและสถานการณ์นั้น ๆ ไม่ใช่แค่ดูตัวเลขลอย ๆ เท่านั้น
- NCF เป็นบวก บริษัทมีเงินสดเหลือใช้ อาจสะท้อนการบริหารเงินที่ดี ควรพิจารณาว่ามาจากกิจกรรมใด เช่น หากเป็น CFO ที่สูง แสดงว่าธุรกิจแข็งแรง แต่ถ้ามาจากการกู้ (CFF สูง) อาจต้องระวังเรื่องภาระหนี้
- NCF เป็นลบ ไม่จำเป็นต้องแปลว่าบริษัทแย่เสมอไป หากเกิดจาก CFI เช่น การซื้อเครื่องจักร อาจเป็นการลงทุนเพื่อการเติบโต แต่ถ้า CFO ติดลบ ต้องจับตามองทันที เพราะอาจหมายถึงรายได้หลักไม่เพียงพอ
ข้อดีของการใช้ Net Cash Flow
- ให้ภาพรวมทางการเงินที่แท้จริง ต่างจากกำไรสุทธิที่อิงบัญชีคงค้าง NCF แสดงการเคลื่อนไหวของ “เงินสดจริง”
- ช่วยวิเคราะห์สภาพคล่องของกิจการ ทำให้รู้ว่าบริษัทมีเงินสดเพียงพอในการดำเนินงาน ชำระหนี้ และลงทุนหรือไม่
- เป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้า หาก NCF ลดลงต่อเนื่อง อาจบ่งบอกถึงปัญหาทางการเงินที่ควรรีบแก้ไข
- เหมาะสำหรับใช้ควบคู่กับงบการเงินอื่น เพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน ผู้บริหาร หรือเจ้าหนี้
ข้อจำกัดของ Net Cash Flow
- ไม่สะท้อนความสามารถในการทำกำไรโดยตรง แม้เงินสดจะสูง แต่หากขาดกำไรในระยะยาวก็อาจมีปัญหาในอนาคต
- อาจบิดเบือนภาพการเงินหากไม่ดูบริบท เช่น เงินสดเข้าจากการกู้ แต่ไม่ได้เกิดจากรายได้จริง
- อ่อนไหวต่อช่วงเวลา NCF ที่เป็นบวกหรือลบในช่วงสั้น อาจไม่สะท้อนแนวโน้มที่แท้จริงของธุรกิจ
- ไม่สามารถประเมินความมั่นคงระยะยาวเพียงอย่างเดียว ต้องดูร่วมกับตัวชี้วัดอื่น เช่น ROI, ROE, หรืออัตราส่วนทางการเงินต่าง ๆ
วิธีแก้ไขปัญหาเมื่อ NCF ติดลบ (กรณีศึกษา)
สมมุติ บริษัท A เกิดกรณีที่ NCF ติดลบ:
Net Cash Flow (NCF) = 60 – 90 + 5 = -25 ล้าน
วิเคราะห์:
- CFI ติดลบหนักจากการลงทุน 90 ล้าน
- CFO ลดลงจากเดิม 110 ล้าน เหลือ 60 ล้าน
- รายได้หลักไม่เพียงพอรองรับภาระลงทุน
แนวทางแก้ไข:
- ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในระยะสั้น
- ปรับแผนการลงทุนให้เหมาะสม เช่น เลื่อนโครงการบางส่วน
- เพิ่มกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน เช่น เพิ่มยอดขาย เร่งเก็บหนี้
- หาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม เช่น สินเชื่อหรือเงินลงทุนจากหุ้นส่วน
- ขายสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ เพื่อเสริมสภาพคล่องระยะสั้น
สรุป
กระแสเงินสดสุทธิ (Net Cash Flow) เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการวิเคราะห์สุขภาพทางการเงินของธุรกิจ เพราะแสดงให้เห็นว่าเงินสดจริงที่บริษัทมีอยู่เพียงพอหรือไม่ในการดำเนินงานและเติบโตแม้บริษัทจะมีกำไรสุทธิสูง แต่หาก NCF ติดลบต่อเนื่อง อาจสะท้อนปัญหาด้านสภาพคล่องที่ต้องรีบแก้ไข ในทางตรงกันข้าม หาก NCF เป็นบวกจากกิจกรรมดำเนินงาน ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อความมั่นคงของธุรกิจในระยะยาว
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุน เจ้าของกิจการ หรือผู้บริหาร การเข้าใจและใช้ NCF อย่างถูกต้อง ย่อมเป็นกุญแจสำคัญในการตัดสินใจทางธุรกิจอย่างชาญฉลาด
สามารถเข้าไปดูบทความอื่นๆ ได้ที่: https://rdbi.co.th/blog/
ปรึกษาหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
เพจ: http://bit.ly/rdbipage
Facebook: https://www.facebook.com/RandDBI/
Line OA: @rdbi
Tel: 02-681-9700
อีเมล์: sales@rdbi.co.th🌟