ข้อมูล สามารถช่วยเพิ่มการตัดสินใจที่รวดเร็วและแม่นยำ สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้ดีขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ และสร้างกำไรที่ยั่งยืน
Step-1 การเก็บรวบรวมข้อมูล
💡เราต้องรู้ว่า เราจะเก็บข้อมูลอะไรที่ใช้ประโยชน์กับธุรกิจของเรา ควรเก็บให้ตรงกับเป้าหมายของผู้ใช้งาน อย่างเช่น ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลการซื้อสินค้าของลูกค้า และสำหรับความปลอดภัยในการจัดเก็บข้อมูลสำคัญมาก ควรมีมาตรการไม่ให้ข้อมูลรั่วไหล รวมถึงกำหนดนโยบายการใช้งานให้เหมาะสมกับระดับของผู้ใช้ข้อมูล
Step-2 บันทึกประมวลผล
💡หลังจากได้ฐานข้อมูลมาแล้ว เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีคุณค่าและมีประโยชน์สำหรับธุรกิจอย่างแท้จริง แน่นอนว่า หลายครั้ง ข้อมูลอาจจะยังไม่สามารถใช้ได้โดยตรง ต้องมีประมวลผลจัดระเบียบข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน การประมวลผลจึงเป็นวิธีการนำข้อมูล (Data) กลายสภาพเป็นสารสนเทศ (Information) ที่มีประสิทธิภาพและนำไปใช้ประโยชน์ต่อไปได้
Step-3 สร้างโมเดลสร้าง/รายงาน
💡หลังจากประมวลผล ก็นำข้อมูลไปใช้งาน โดยสรุปผลให้ทางทีมต่างๆได้เห็นที่ถูกต้องและเป็นภาพเดียวกัน เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงการทำงานของฝ่ายนั้น ยิ่งมีการลงทุนในการพัฒนาด้านข้อมูลขององค์กร จะเป็นการลับคมให้องค์กรมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และทำให้ข้อมูลมีมูลค่าเพิ่ม ช่วยเพิ่มผลลัพธ์หรือปรับปรุงกระบวนการทำงานของฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
Step-4 การวิเคราะห์
💡การวิเคราะห์ แยกแยะข้อมูล เราสามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์ สรุป และนำเสนอ ผ่านโปรแกรม Microsoft Excel, Power BI โดยในโปรแกรมเราสามารถนำข้อมูลมาจัดทำเป็นสรุปที่เข้าใจง่าย และสามารถนำมาวิเคราะห์ได้ว่าองค์กรมีปัญหาตรงไหน พัฒนาอะไรได้บ้าง
Step-5 การนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์
💡หลังจากองค์กรมีการบริหารจัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบ ให้สามารถเชื่อมต่อถึงกันและให้พนักงานทุกฝ่ายในองค์กรสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เท่าทันกับภาวการณ์แข่งขัน ค้นหาตัวแปรหลัก ส่งสัญญาณให้บริษัทสามารถผลิตสินค้าหรือบริการตอบโจทย์ผู้บริโภค อันจะนำมาซึ่งชัยชนะในการแข่งขันการตลาดและสร้างกำไรในมิติต่าง ๆ ทั้งด้านการกำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจ การดำเนินธุรกิจของทุกฝ่ายในองค์กร การกำหนดกลยุทธ์บริหารการตลาดที่รวมถึงการเพิ่มคุณภาพของสินค้าและบริการ การขยายช่องทางหรือเครือข่ายในการกระจายสินค้า การกำหนดราคาสินค้าหรือบริการที่สามารถแข่งขันได้ การสร้างแบรนด์ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า เป็นต้น อันนำมาซึ่งการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ ควบคู่กับการเพิ่มรายได้ เพื่อการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน
ดังนั้น บริษัท อาร์ แอนด์ ดี บีไอ จำกัด จึงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ชื่อว่า
✨“ระบบรายงานการขายอัจฉริยะ” และ “ระบบรายงานคลังสินค้าอัจฉริยะ”✨
เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้บริหาร เจ้าของธุรกิจ สามารถบริหารจัดการ การขาย คลังสินค้าได้ง่ายขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสเพิ่มรายได้ ลดต้นทุนให้กับธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น

✅ระบบรายงานการขายอัจฉริยะ
การทำงาน ดังนี้
1.วิเคราะห์ ภาพรวมการขาย กำไรขาดทุน Top/Bottom ค่าเฉลี่ยยอดขายแต่ละสาขา
2.วิเคราะห์ แนวโน้ม การเติบโตของสินค้า/แบรนด์ กลุ่มสินค้า ที่มีปัญหา ผลิตภัณฑ์
ดาวรุ่งพุ่งแรง
3.วิเคราะห์ พฤติกรรมลูกค้า กลุ่มลูกค้า ลูกค้าเก่า ใหม่ ยอดขายต่อบิล ยอดขายเฉลี่ยต่อบิล
4.วิเคราะห์ พฤติกรรมการขายสินค้า สินค้าขายไม่ได้ ยอดขายลดลง
5.วิเคราะห์ ทีมขาย พนักงานขาย สินค้าไหนขายได้บ้าง ได้ตามเป้าหมายหรือไม่
✅ระบบรายงานคลังสินค้าอัจฉริยะ
เพื่อ บริหารคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพ ให้ได้กำไรมากยิ่งขึ้น โยกย้ายสินค้าในแต่ละคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การทำงาน ดังนี้
1.วิเคราะห์ ภาพรวม วางแผน จัดการ สินค้าคงคลังให้เหมาะสม
2.ตรวจเช็ค สถานะสินค้าคงคลังสินค้าไหนปกติ สินค้าไหนเก่าเก็บ
3.วิเคราะห์ รอบการขายสินค้า
4.วิเคราะห์ Dead Stock Out of Stock
5.ใช้ค้นหา/จัดการ สินค้า โยกย้ายสินค้าข้ามคลัง
✨ การขับเคลื่อนธุรกิจโดยใช้ข้อมูลในการตัดสินใจให้เฉียบคม – ค้นหา Insight ที่ซ่อนอยู่ในข้อมูลของคุณ ✨
Sales and Inventory Intelligence: https://rdbi.co.th/power-bi-report-template/
💡บทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Business Analytics : https://rdbi.co.th/category/business-analytics/
สอบถามเพิ่มเติมที่เพจ http://bit.ly/rdbipage
Line OA: @rdbi
Tel : 02-681-9700
อีเมล์ sales@rdbi.co.th🌟