KPI เปลี่ยนเป้าหมายเป็นความสำเร็จ!

January 27, 2025

by Napat Rammanu

เปลี่ยนเป้าหมาย2

ในโลกของธุรกิจและการทำงาน การตั้งเป้าหมายเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่การติดตามและวัดผลเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เป้าหมายนั้นกลายเป็นความสำเร็จจริงๆ Key Performance Indicator (KPI) คือเครื่องมือที่ช่วยให้คุณวัดผลลัพธ์ได้อย่างเป็นรูปธรรม ช่วยปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม และนำพาองค์กรหรือทีมไปสู่ความสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ มารู้จักกับ KPI ให้มากขึ้น และเรียนรู้วิธีใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด!

KPI คืออะไร?

KPI ย่อมาจาก Key Performance Indicator คือ ดัชนีชี้วัดผลงานหรือความสำเร็จของงาน โดยเทียบผลการปฏิบัติงานกับเป้าหมายหรือมาตรฐานที่ตกลงกันไว้ออกมาเป็นจำนวนหรือตัวเลขที่ชัดเจน เพื่อใช้ในการวัดและประเมินผลการทำงานของพนักงาน รวมถึงใช้วัดความก้าวหน้าขององค์กร หรือเพื่อใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานขององค์กรได้ด้วยเช่นกัน โดยสามารถวัดผ่านการประมวลผลออกมาเป็นตัวเลขที่ชัดเจน ผ่าน 3 หลักการที่เป็นหัวใจหลัก ดังนี้

K ย่อมาจาก Key : หัวใจหลัก, เป้าหมายหลัก หรือกุญแจสำคัญของความสำเร็จ

P ย่อมาจาก Performance : ประสิทธิภาพ, ประสิทธิผล หรือความสามารถในการทำงาน

I ย่อมาจาก Indicator : ดัชนีชี้วัด หรือเกณฑ์ตัวชี้วัด

KPI มีความสำคัญอย่างไร

KPI มีความสำคัญสำหรับการวัดความสำเร็จของงานต่างๆ ให้ออกมาให้เห็นเป็นภาพที่มีความชัดเจน และสามารถเทียบผลกับเป้าหมายหรือมาตรฐานที่ตั้งไว้เป็นจำนวนหรือตัวเลขที่ชัดเจน ช่วยทำให้การปรับปรุงประสิทธิภาพของพนักงาน การวัดความก้าวหน้าขององค์กรเห็นภาพ และมีความชัดเจนของเป้าหมายที่ตั้งไว้มากขึ้น

ประเภทของ KPI

โดยประเภทของ KPI จะถูกแบ่งเป็น 2 ประเภท ตามการวัดผล ได้แก่ ประเภทที่วัดผลทางตรง และ ประเภทที่ใช้วัดผลทางอ้อม โดยทั้ง 2 ประเภท เป็นตัวชี้วัดที่มีแนวทางการทำงานแตกต่างกัน ดังนี้

1.การวัดผลทางตรง

ดัชนีชี้วัดความสำเร็จ KPI ประเภทการวัดผลทางตรง หมายถึง การวัดผลลัพธ์จากข้อมูลที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน หรือตัวเลขที่แสดงข้อมูลจริง ไม่ต้องอาศัยการตีความหมายใด ๆ และสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ มักจะเป็นมาตรวัดที่อยู่ในระดับ Ratio Scale หรือการวัดอัตราส่วน ยกตัวอย่างเช่น จำนวนสินค้าน้ำหนัก หรือส่วนสูง เป็นต้น

2.การวัดผลทางอ้อม

ดัชนีชี้วัดความสำเร็จ KPI ประเภทการวัดผลทางอ้อม หมายถึงการวัดผลลัพธ์จากข้อมูลที่แสดงออกมาไม่ชัดเจน หรือข้อมูลที่ไม่ใช่ตัวเลขต้องอาศัยการวัดผลทางความคิดเพิ่มเติม เช่น พฤติกรรมการทำงาน ความรู้ความสามารถในการทำงาน หรือความนิยมในตัวผลิตภัณฑ์และสินค้านั้นๆ เป็นต้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นการประเมินที่ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละบุคคลด้วยเช่นกัน เป็นมาตรวัดที่อยู่ในระดับ Interval Scale หรือการมาตรวัดอันตรภาคที่เป็นการประเมินตามความคิดเห็นส่วนบุคคล

วิธีการกำหนดตัวชี้วัดหลักใน KPI

ประสิทธิภาพของ KPI ขึ้นอยู่กับการกำหนดตัวชี้วัดหลักที่ตรงกับการปฏิบัติงานจริง เนื่องจากตัวชี้วัดเหล่านี้เป็นเกณฑ์ที่ใช้ในการประเมินผลลัพธ์ของการดำเนินงาน ดังนั้น การตั้งตัวชี้วัดต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้สามารถสะท้อนผลลัพธ์ที่เป็นจริงและเหมาะสมกับลักษณะของธุรกิจ โดยต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น นโยบายของบริษัทและขนาดขององค์กรที่อาจแตกต่างกัน

1. กำหนดตัวชี้วัดระดับองค์กร (Organization Indicators)

การกำหนดตัวชี้วัดระดับองค์กรเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการตั้งเป้าหมายขององค์กร โดยเริ่มต้นจากการกำหนดเป้าหมายหรือนโยบายหลักขององค์กรที่ต้องการบรรลุ ซึ่งจะเป็นแนวทางที่ชัดเจนให้กับทุกฝ่ายและบุคลากรในองค์กรสามารถปฏิบัติตามได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัดระดับองค์กรนี้จะสะท้อนถึงความสำเร็จหรือความก้าวหน้าขององค์กรในการบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ โดยตัวชี้วัดนี้ต้องสามารถประเมินได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ภายในองค์กรหรือปัจจัยภายนอกที่เกี่ยวข้อง

2. กำหนดตัวชี้วัดระดับหน่วยงาน (Department Indicators)

หลังจากการกำหนดตัวชี้วัดระดับองค์กรแล้ว ขั้นตอนถัดมาคือการกำหนดตัวชี้วัดสำหรับแต่ละหน่วยงานภายในองค์กร ตัวชี้วัดนี้จะต้องสอดคล้องกับตัวชี้วัดหลักขององค์กร และมุ่งหวังที่จะผลักดันหน่วยงานนั้นๆ ให้สามารถบรรลุผลสำเร็จที่สอดคล้องกับเป้าหมายองค์กรโดยรวม ตัวชี้วัดในระดับหน่วยงานอาจแตกต่างกันไปตามลักษณะงานและความสำคัญของแต่ละหน่วย เช่น ในระดับแผนกการตลาดหรือแผนกการผลิต ที่แต่ละแผนกอาจมีการวัดผลที่เน้นแตกต่างกันไปตามลักษณะของงานและวัตถุประสงค์ของหน่วยงาน

3. กำหนดตัวชี้วัดระดับรายบุคคล (Individual Indicators)

ตัวชี้วัดระดับรายบุคคลคือเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผลการทำงานของพนักงานแต่ละคนในองค์กร โดยถือเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดแต่มีความสำคัญสูงสุด เนื่องจากบุคลากรในองค์กรเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า การกำหนดตัวชี้วัดในระดับบุคคลที่มีประสิทธิภาพจะส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนา KPI ระดับองค์กร ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมขององค์กรดีขึ้น นอกจากนี้ การตั้งตัวชี้วัดที่ชัดเจนและเหมาะสมยังช่วยเพิ่มโอกาสให้พนักงานได้รับการประเมินและพิจารณาในด้านต่างๆ เช่น การปรับเพิ่มเงินเดือนหรือโบนัสตามผลการทำงาน

4. กำหนดตัวชี้วัดรอง (Secondary Indicators)

นอกจากตัวชี้วัดหลักที่ใช้ในการวัดประสิทธิภาพการทำงานโดยตรงแล้ว องค์กรยังควรพิจารณาการกำหนดตัวชี้วัดรอง ซึ่งจะเป็นการประเมินผลในด้านอื่น ๆ ที่สนับสนุนการพิจารณาผลการดำเนินงาน เช่น ตัวชี้วัดที่ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับผลลัพธ์ที่เป็นตัวเลข ตัวชี้วัดรองอาจเป็นข้อมูลในเชิงคุณภาพ เช่น ความพึงพอใจของลูกค้าในการบริการ หรือการสื่อสารภายในองค์กร ซึ่งช่วยให้การตัดสินใจในองค์กรมีความรอบคอบและครอบคลุมมุมมองที่หลากหลายมากขึ้น

ถ้าใช้ KPI ร่วมกับ Sales Intelligence จะสามารถทำอะไรได้บ้าง?

ปรับปรุงการตั้งเป้าหมาย : การวิเคราะห์ข้อมูลจาก Sales Intelligence จะช่วยให้ตั้ง KPI ที่เหมาะสม มีข้อมูลในอดีตไว้ใช้เปรียบเทียบ ไม่ต้องเสียเวลารวบรวมข้อมูลการขายจากพนักงานแต่ละคน หากมีพนักงานขาย 10 คนคุณต้องรวบรวมข้อมูลมากแค่ไหน แล้วข้อมูลการขายที่ผ่านมา เคยได้นำมาวิเคราะห์หรือไม่ และเคยวิเคราะห์ลูกค้า วิเคราะห์สินค้า พื้นที่ที่ขายดีหรือไม่ แล้วถ้าต้องวิเคราะห์ข้อมูลทุกๆ สินค้า ทุกลูกค้า มีข้อมูลมากแค่ไหน ต้องใช้เวลากี่วัน กี่เดือน ถึงจะวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดได้

เพิ่มความแม่นยำในการวัดผล : Sales Intelligence ช่วยให้มีข้อมูลถูกต้อง แม่นยำ พร้อมใช้ได้ตลอดเวลา

การปรับกลยุทธ์การขาย : Sales Intelligence ช่วยให้ทีมขายปรับกลยุทธ์ได้อย่างทันท่วงที เพิ่มโอกาสในการขาย เช่น การปรับราคา ข้อเสนอพิเศษ หรือช่องทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ

การตัดสินใจที่มีข้อมูลสนับสนุน : Sales Intelligence มี KPI ที่เกี่ยวข้องกับพนักงานขาย ทีมขาย ช่วยให้ผู้บริหารทีมขายสามารถตัดสินใจอย่างได้อย่างถูกต้อง

สรุป

การใช้งาน KPI ให้สามารถช่วยเพิ่มยอดขายหรือพัฒนาองค์กรให้ดีขึ้น ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน ถ้าเรามีข้อมูลที่พร้อมจากระบบ Sales Intelligence จะทำให้เราวัดผล KPI ได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น และรู้ว่าต้องวิเคราะห์ ปรับปรุงอย่างต่อเนื่องตรงจุดไหน

หากต้องการคำปรึกษาด้านการใช้งาน Sales Intelligence ร่วมกับ KPI สามารถติดต่อได้ที่

เพจ http://bit.ly/rdbipage

Line OA: @rdbi

Tel : 02-681-9700 

อีเมล์ sales@rdbi.co.th🌟 

Sales Intelligence จาก R&D BI
ช่วยลดเวลาการทำรายงานการขาย เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ พร้อมตัดสินใจอย่างมั่นใจ

✨ สนใจทดลอง Demo ได้ที่ลิ้งนี้ ✨
Sales and Inventory Intelligence: https://rdbi.co.th/power-bi-report-template/

Share this post:
Facebook
Twitter
LinkedIn
WhatsApp

Discover more articles